ชีวิตในรั้วโรงเรียน(ความจริงแล้วไม่มีรั้วโรงเรียนหรอกนะรู้สึก)แห่งนี้ดูแปลกใหม่ไปเกือบซะทุกอย่าง
โรงเรียนอะไรเนี่ยที่ไม่มีพื้นที่โรงเรียนเป็นของตัวเอง
โรงเรียนอะไรเนี่ยที่อาศัยอยู่ในรั้วมหาลัย
โรงเรียนอะไรเนี่ยมี2วิทยาเขตให้เรียน
โรงเรียนอะไรมีนักเรียนทั้งโรงเรียนแค่ 90 คน !
โรงเรียนอะไรที่เรามีเพื่อนร่วมชั้นแค่ 30 คน
(นี่ชีวิตม.ปลายของเราจะมีเพื่อนรุ่นราวคราวเดียวกันแค่ 30 คนเองหรอวะ = =")
พูดไปพูดมาเริ่มไม่แน่ใจว่ามันคือโรงเรียนจริงๆหรือเปล่า U.U
มาโอ้โห! กันต่อดีกว่า
โอ้โห! ชุดนักเรียนครับ
ไม่เหมือนใครกระโปรงสีเทา กางเกงสีเทา เสื้อคอปกสีขาวมีสีส้มประกอบนิดหน่อย
เหมือนเด็กนานาชาติเลยอะ เหมือนเด็กปวช.เลยอะ เหมือนพนักงานบริษัทเลยอะ
ไม่เหมือนชุดนักเรียนเลยอะ = = เอ๊ะยังไง!
ข้อดีของชุดนักเรียนเช่นนี้คือ...
ไม่จำเป็นต้องรีดฮะ ไม่มีใครรู้ อิอิ ถึงรู้ก็แล้วไงละ ขี้เกียจ ซักก็ดีแค่ไหนละแหม่
อ่อลืมไป รองเท้าหุ้มส้นอะไรก็ได้ ถุงเท้าสีแดง เขียว เหลือง ก็ไม่มีใครว่านะจ๊ะ
โอ้โห! ทรงผมครับ
ไว้ผมทรงอะไรก็ได้ สีอะไรก็ได้ กี่สีก็ได้ จะเฟี้ยวฟ้าวเหลือง แดง ดำ น้ำตาลอมแดง น้ำตาลประกายม่วง ม่วงการบินไทย เขียวกสิกร ฯลฯ ก็ตามใจพวกเธอ แต่รด.ก็ต้องเกรียนไปตามระเบียบนะฮะ
โอ้โห! ค่าเทอมฟรี ครับ
แถมค่าหอฟรี ค่าข้าวฟรี ค่าไปเที่ยวกับโรงเรียนฟรี มีเน็ตบุ๊คให้ยืมใช้ฟรี(ได้ข่าวว่าเดี๋ยวนี้เปลี่ยนเป็น ipad แล้ว เชอะ ที่รุ่นเราได้แค่เน็ตบุ๊คที่ชอบพังนู้น เสียนี่ ไอนั่นหลุด ไอนี่แตก ) มีสิทธิพิเศษต่างๆประหนึ่งนักศึกษาตั้งแต่วัยละอ่อนแบบฟรีๆ! เลยโดนคนเค้าหมั่นไส้กันเยอะไง อุ๊อิ๊ >.<
โอ้โห! เรามีหลักสูตรชื่อหรูๆว่า Story based learning นะฮ้าบบบ
เรียนธรรมดาไม่ได้ต้องเรียนตาม Timeline ต้องเรียนแบบ learning by doing ดูดีจริงๆเลยนะให้ตายเถอะ 555 ชื่อวิชาแบบฟิสิกส์ ชีวะ เลข สังคมเนี่ยเชยไป เรามีวิชาหลักๆแค่ 6 วิชานะฮับ เช่น BUILDING AND SOCIETY ,TRANSPORTS AND COMMUNICATION , COSMOLOGY AND SOLAR SYSTEM
เป็นไงไฮป่ะหล่ะ 5555 เรียนเป็นยังไงนั่นเราค่อยว่ากันอีกเรื่องนะครับ
ทุกวิชาไม่มีหนังสือเรียนนะฮะ Lecture ตาม slide อย่างเดียว
เวลาสอบทีนี่ไม่รู้ตูจะอ่านอะไร ไม่ก็...slide อะไรอ่านเท่าไรๆแม่งก็ไม่หมดสักที = =
โอ้โห! ต่อมาฮะ ตารางสอนแม่งแปลงร่างตัวเองได้ตลอดเวลาฮะ
คือเราจะอัพเดตกันอยู่บ่อยๆ ไม่ได้ตายตัวทั้งเทอมแบบตอนม.ต้นฮะ ตารางสอนก็จะได้รับผ่านทาง post บน facebook ใน group ของระดับชั้นที่อาจารย์สร้างขึ้นมา แบบเมื่อเช้าดูตารางสอน ดีใจจังเลยพรุ่งนี้มีคาบว่าง ตกเย็นมันแปลงร่างตัวเองฮะกลายเป็นว่ามีเรียนฮะ = =
แล้ววันๆนี่เราเรียนกันส่วนใหญ่ก็แค่สองวิชาฮะ เรียนมันไปเถอะวิชาละครึ่งวัน หลับสบายจังเลย...อุ๊ย!เผลอพูดอะไรออกไปเนี่ย
โอ้โห! การบ้านฮะ
แบบฝึกหัดท้ายบท สมุดการบ้าน เอาไปส่งที่โต๊ะอาจารย์ก่อน 8 โมงนี่ไม่มีแล้วฮะ นานๆทีจะต้องเขียนอะไรส่ง ส่วนใหญ่จะพิมพ์ส่งทางE-mail มากกว่า กำหนดส่งงานก็จะเป็นก่อนเที่ยงคืนของวันที่... งานเดี่ยวไม่ค่อยมีงานกลุ่มคืองานหลัก Presentงานนี่ก็งานประจำ ชีวิตที่นี่งานเยอะจริงๆฮะ
งานมักจะชื่อแปลกอีกต่างหาก ECO BOX, CATAPULT, NEWSLETTER เลื่อยไม้ บัดกรี ทำโมเดล ขุดดิน งานอาร์ตๆ ได้ทำจริงหมดฮะ >.<
โอ้โห! การสอบฮะ
ที่นี่ไม่มีmidtermนะ ข้อสอบเขียนล้วนประมาณ 99 % ข้อสอบแบบปรนัยนี่ฝันฮะน๊านนาน จะโผล่มาสักที โผล่มาก็ชอบมาในรูปแบบภาษาอังกฤษ คือตอนแรกเราเป็นคนที่ไม่ชอบข้อสอบเขียนนะ แต่เดี๋ยวนี้กลายเป็นชอบมันแล้ว เพราะแบบมันแถได้ อย่างน้อยถึงไม่รู้จริงยังอาจมีค่าน้ำหมึกปลอบใจ 555
โอ้โห! 3.00 ฮะ
เป็นโรงเรียนที่ถ้าเกรดเฉลี่ยต่ำกว่า 3.00 ติดต่อกันกี่เทอมไม่แน่ใจแหะ เอาเป็นว่าถ้าเกรดต่ำกว่าเท่านี้ติดต่อกันเท่านั้น โดนปรับเป็นเงินหลักแสนนะฮะ เพราะเราเรียนฟรีจากภาษีประชาชนก็ต้องรับผิดชอบกันหน่อย ทางที่ดีที่สุดคือตั้งใจเรียนฮะได้ไม่โดนปรับ แต่เอาจริงๆถ้าเราไม่ทำตัวเละเทะจริงๆยังไงเกรดก็เกิน 3.00 โรงเรียนไม่ได้ปล่อยเกรดนะ แต่มันเป็นกลไกที่แฝงพลังงานบางอย่างที่ตัวผู้เขียนได้สัมผัสมากับตัวเอง 555 แต่เทอมแรกแม่งโคตรเครียดเลยละ เกรดจะถึง 3.00 ไหม จะได้สักเท่าไหน โอ้ยจะบ้าตาย ทุกคนก็ลุ้นเกรดเทอมแรกกันหมดอะคิดว่า ใครจะได้เกรดสูงสุด (เทอมต่อไปรู้แหละจะเกาะกลุ่มทำงานกับใคร ให้ใครสอน ให้ใครติว 55555) เราอยู่ ณ ตำแหน่งไหนของห้อง เกรดจะสวยมั้ย หรือเน่าเละเทะ
ผลสรุปเทอมแรกไอพวกที่ร้องไห้ตอนเกรดออกคือพวกที่ได้เกรดเฉียด 4.00 ครับ
มนุษย์เป็นสัตว์ที่เข้าใจยากฮะ หรือไม่บางทีพวกเธออาจคิดว่าเกรดเฉลี่ยของที่นี่เต็ม 50.00
ก็ไม่รู็สินะ U.U
โอ้โห! Trip ครับ
โรงเรียนนี้ไปเที่ยวแฝงความรู็เยอะมว้ากกกกกกกกก ไปเกือบครบทุกภาคแล้วมั้งของประเทศไทย
นครนายก สงขลา เพชรบูรณ์ ลพบุรี อยุธยา นครปฐม กาญจนบุรี โคราช ลำปาง เชียงใหม่ สุโขทัย ในกรุงเทพเอง สมุทรอะไรสักอย่าง เราไปกันมาหมดแล้ว
ฟรีครับ คุ้มจริงๆนี่บอกเลย ฮ่าาาาาา
โอ้โห! คิดไม่ออกละฮะ
นอกจาก โอ้โห แล้วก็ยังมีชีวิตประจำวันที่ดูแปลกใหม่ได้ตลอด
การเข้าแถวเคารพธงชาติหน้าเสาธงที่สูง 2 เมตรโดยประมาณ
การแย่งชิงห้องเรียนใครมาก่อนได้ก่อน
การมีโต๊ะสนุ๊กและโต๊ะโกลน่ารักๆไว้เล่นยามว่าง
การมีสายรหัสที่สนิทสนม
การเดินไปเรียน นั่งรถไปเรียนพร้อมๆกัน
กีฬาสีที่มีเพียง 2 สี
งานปีใหม่กับธีมแปลกๆ
ประตูโซนที่น่ารักและน่ารำคาญ 555
โปรเจคเตอร์อุปกรณ์สำคัญสำหรับการเรียนการสอน
ความทรงจำที่นี่เยอะจริงๆฮะ
จุดปรงสงค์ไม่ได้present โรงเรียน
แค่อยากรวบรวมความทรงจำ
ครั้งหนึ่ง...ในรั้วโรงเรียน :D
Thursday, September 19, 2013
Sunday, September 15, 2013
บันทึกการสนทนา
ทุกคนคงรู้จักกับการสนทนาผ่านโปรแกรม MSN
ฉันชอบมันนะ
แต่ในเมื่อมันหมดความนิยม
อย่างไม่มีใครเคยคาดคิดมาก่อน
เมื่อตอนมันเป็นที่นิยม
แล้วก็ไม่มีใครคุยกันผ่าน MSN อีกเลย...
ประโยชน์ของ MSN คือการใช้เป็นเครื่องมือสื่อสาร
ในทุกขนาดของความกว้างช่องว่างระหว่างความสัมพันธ์
ส่วนเสน่ห์ของ MSN คือ การเปลี่ยนหัวเอ็มท้ายเอ็ม
เปลี่ยนสีชื่อเอม เปลี่ยนรูปภาพประจำตัว
เปลี่ยนสีตัวอักษร เปลี่ยนตัวอักษรให้เป็นการ์ตูนเคลื่อนไหวหลากสีหลากสัน
แต่เสน่ห์ยิ่งกว่าที่ฉันชอบมัน
คือ..."บันทึกการสนทนา"
"บันทึกการสนทนา"
เรียงรายเป็นรายคน เรียบเรียงเป็นรายเดือน
สำหรับฉัน...
มันก็เป็น Diary อีกเล่มหนึ่งนั่นเอง
เวลาที่ฉันว่าง หรือ อยากว่าง
รื้อค้นบันทึกการสนทนาขึ้นมาอ่าน เราก็พบกล่องความทรงจำขนาดใหญ่
ตอนนั้นเราคุยกับใครบ้าง คุยอะไรกัน
อะไรเป็น Topic ยอดนิยม
งานการบ้าน ชีวิต ความรู้สึก
เรามีโอกาสได้ย้อนกลับไปดู "ความคิด" ของตัวเอง
ความคิดที่สะท้อนผ่านการสนทนา
ตัวเราในวันนี้มองย้อนไป
อมยิ้มเล็กๆ ทำไมตัวเราในตอนนั้นคิดแบบนั้น แบบนี้
บางครั้งยังแอบขำ คิดอะไรของเรากัน
เราเติบโตขึ้นเยอะและผ่านอะไรมามากมายเหมือนกันนะ
ยิ้มเล็กๆ ให้กับการเติบโตของความคิด (':
Diary นี้ไม่มีการปรุงแต่ง
บันทึกอย่างทันท่วงที ณ ขณะที่เรากำลังดำเนินเหตุการณ์
ยังยิ้ม ยังหัวเราะ ยังเศร้า ทุกครั้งที่เปิดอ่าน
ยังมีเรื่องราว ยังจดยังจำ
"บันทึกการสนทนา"
ฉันชอบมันนะ
แต่ในเมื่อมันหมดความนิยม
อย่างไม่มีใครเคยคาดคิดมาก่อน
เมื่อตอนมันเป็นที่นิยม
แล้วก็ไม่มีใครคุยกันผ่าน MSN อีกเลย...
ประโยชน์ของ MSN คือการใช้เป็นเครื่องมือสื่อสาร
ในทุกขนาดของความกว้างช่องว่างระหว่างความสัมพันธ์
ส่วนเสน่ห์ของ MSN คือ การเปลี่ยนหัวเอ็มท้ายเอ็ม
เปลี่ยนสีชื่อเอม เปลี่ยนรูปภาพประจำตัว
เปลี่ยนสีตัวอักษร เปลี่ยนตัวอักษรให้เป็นการ์ตูนเคลื่อนไหวหลากสีหลากสัน
แต่เสน่ห์ยิ่งกว่าที่ฉันชอบมัน
คือ..."บันทึกการสนทนา"
"บันทึกการสนทนา"
เรียงรายเป็นรายคน เรียบเรียงเป็นรายเดือน
สำหรับฉัน...
มันก็เป็น Diary อีกเล่มหนึ่งนั่นเอง
เวลาที่ฉันว่าง หรือ อยากว่าง
รื้อค้นบันทึกการสนทนาขึ้นมาอ่าน เราก็พบกล่องความทรงจำขนาดใหญ่
ตอนนั้นเราคุยกับใครบ้าง คุยอะไรกัน
อะไรเป็น Topic ยอดนิยม
งานการบ้าน ชีวิต ความรู้สึก
เรามีโอกาสได้ย้อนกลับไปดู "ความคิด" ของตัวเอง
ความคิดที่สะท้อนผ่านการสนทนา
ตัวเราในวันนี้มองย้อนไป
อมยิ้มเล็กๆ ทำไมตัวเราในตอนนั้นคิดแบบนั้น แบบนี้
บางครั้งยังแอบขำ คิดอะไรของเรากัน
เราเติบโตขึ้นเยอะและผ่านอะไรมามากมายเหมือนกันนะ
ยิ้มเล็กๆ ให้กับการเติบโตของความคิด (':
Diary นี้ไม่มีการปรุงแต่ง
บันทึกอย่างทันท่วงที ณ ขณะที่เรากำลังดำเนินเหตุการณ์
ยังยิ้ม ยังหัวเราะ ยังเศร้า ทุกครั้งที่เปิดอ่าน
ยังมีเรื่องราว ยังจดยังจำ
"บันทึกการสนทนา"
Saturday, September 7, 2013
เด็กหอ #1
เราเป็นคนหนึ่งนะที่ไม่คิดว่าจะมีโอกาสได้ใช้ชีวิตเป็นเด็กหอ
ได้เป็นนักเรียนโรงเรียนประจำ
มันเป็นประสบการณ์ที่เจ๋งดีนะ ฮ่าา
วันแรกเลยของการใช้ชีวิตเด็กหอนี่มันก็นานมาแล้ว
จำได้ลางๆ
ว่าคิดตั้งนาน...เอาอะไรไปหอบ้างดี
เห้ยเอาไปครบหรือยัง
เห้ยไอนี้ควรเอาไปไหม ไอนั่นควรเอาไปไหม
สรุปของเยอะแยะเลยครัช = ="
ต่อไปนี้จะไม่ค่อยได้อยู่บ้านแล้วนะ
บอกลาหมาสนิทที่บ้านก่อนไป
แล้วจึงออกเดินทาง...
มีครอบครัวไปส่งแล้วก็รุ่นพี่ที่โรงเรียนนี้อีกคน
เค้าหวังดีมาช่วยบอกทางหน่ะครัช ฮ่าา
แต่สุดท้ายก็ขับรถหลงทางจนได้หน่ะ
ระหว่างการนั่งรถจำได้แค่ว่า...
แดดแม่งส่องตลอดทางเลย ไม่เข้าใจมันจริงๆ เพื่ออะไรว่ะ = =
ฟิล์มติดกระจกไม่ช่วยอะไร
ทางเข้าหอครัชไม่บอกนี่ไม่รู้ว่ากรุงเทพจริงๆนะ
เรานึกถึงถนนที่รถเยอะๆนะตอนนั้น
คงมีรถเมล์ผ่านตลอด ของกินเพียบ
อันนั้นคือสิ่งที่เรานึกไง...
ความจริงนะนาเกลือนากุ้ง ทางแคบๆ บ้านคนประปราย
รถเมล์ไม่มี ของกินไม่มี ธรรมชาติมากๆ
บางขุนเทียนชายทะเลกรุงเทพนั่นเอง =.,='
โอเคคิดซะว่าอากาศดีละกันเนอะเรา
ถึงหอยกของลง รับกุญแจ จ่ายค่าประกัน รับผ้าปูที่นอน บลาๆๆ
"1334" บ้านใหม่ของเราเอง >//<
มาถึงคนแรกซะด้วย...ตอนแรกก็กะว่าจะรอเพื่อนทุกคนมากันครบแล้วค่อยเลือกมุมกัน
หอพักที่นี่ใช้ได้นะ
บอกลาหอพักเดิมๆ เก่าๆ สกปรก คร่ำครึไปได้เลย
เตียง 2 ชั้น 2 เตียง รวมเป็น 4 ที่นอน
โต๊ะทำงาน 4 ตัว ตู้เสื้อผ้า 4 ตู้
1 ห้องน้ำ 1 เครื่องทำน้ำอุ่น 1 แอร์ 1 ระเบียง 1 ชั้นวางรองเท้า
ใช่ฮะเราอยู่ห้องละ 4 คน
รอไปสักพัก เดินไปเดินมา ทำไมไม่มากันสักทีว่ะ?
งั้นเราเลือกมุมแล้วนะเว้ยยยย อย่ามาบ่นนะจ๊ะ คริคริ
แล้วก็ตกลงปลงใจเลือกตู้เสื้อผ้าตู้ที่ติดกับประตูระเบียง
ตู้ที่มีช่องว่างเล็กๆข้างตู้ไว้วางตะกร้าผ้า ^^
มุมดีครัช ฮ่าาาา โฮะๆ มาก่อนได้ก่อน
ส่วนเตียงกับโต๊ะเอาไว้คนมาครบค่อยเลือกละกัน
จำได้ว่าเทอมแรกเราได้นอนเตียงชั้นบนฝั่งติดริมระเบียง
ชีวิตเด็กหอวันแรกได้เริ่มขึ้นแล้วฮะ (':
ชีวิตนักเรียนม.ปลายวันแรกได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว (':
ได้เป็นนักเรียนโรงเรียนประจำ
มันเป็นประสบการณ์ที่เจ๋งดีนะ ฮ่าา
วันแรกเลยของการใช้ชีวิตเด็กหอนี่มันก็นานมาแล้ว
จำได้ลางๆ
ว่าคิดตั้งนาน...เอาอะไรไปหอบ้างดี
เห้ยเอาไปครบหรือยัง
เห้ยไอนี้ควรเอาไปไหม ไอนั่นควรเอาไปไหม
สรุปของเยอะแยะเลยครัช = ="
ต่อไปนี้จะไม่ค่อยได้อยู่บ้านแล้วนะ
บอกลาหมาสนิทที่บ้านก่อนไป
แล้วจึงออกเดินทาง...
มีครอบครัวไปส่งแล้วก็รุ่นพี่ที่โรงเรียนนี้อีกคน
เค้าหวังดีมาช่วยบอกทางหน่ะครัช ฮ่าา
แต่สุดท้ายก็ขับรถหลงทางจนได้หน่ะ
ระหว่างการนั่งรถจำได้แค่ว่า...
แดดแม่งส่องตลอดทางเลย ไม่เข้าใจมันจริงๆ เพื่ออะไรว่ะ = =
ฟิล์มติดกระจกไม่ช่วยอะไร
ทางเข้าหอครัชไม่บอกนี่ไม่รู้ว่ากรุงเทพจริงๆนะ
เรานึกถึงถนนที่รถเยอะๆนะตอนนั้น
คงมีรถเมล์ผ่านตลอด ของกินเพียบ
อันนั้นคือสิ่งที่เรานึกไง...
ความจริงนะนาเกลือนากุ้ง ทางแคบๆ บ้านคนประปราย
รถเมล์ไม่มี ของกินไม่มี ธรรมชาติมากๆ
บางขุนเทียนชายทะเลกรุงเทพนั่นเอง =.,='
โอเคคิดซะว่าอากาศดีละกันเนอะเรา
ถึงหอยกของลง รับกุญแจ จ่ายค่าประกัน รับผ้าปูที่นอน บลาๆๆ
"1334" บ้านใหม่ของเราเอง >//<
มาถึงคนแรกซะด้วย...ตอนแรกก็กะว่าจะรอเพื่อนทุกคนมากันครบแล้วค่อยเลือกมุมกัน
หอพักที่นี่ใช้ได้นะ
บอกลาหอพักเดิมๆ เก่าๆ สกปรก คร่ำครึไปได้เลย
เตียง 2 ชั้น 2 เตียง รวมเป็น 4 ที่นอน
โต๊ะทำงาน 4 ตัว ตู้เสื้อผ้า 4 ตู้
1 ห้องน้ำ 1 เครื่องทำน้ำอุ่น 1 แอร์ 1 ระเบียง 1 ชั้นวางรองเท้า
ใช่ฮะเราอยู่ห้องละ 4 คน
รอไปสักพัก เดินไปเดินมา ทำไมไม่มากันสักทีว่ะ?
งั้นเราเลือกมุมแล้วนะเว้ยยยย อย่ามาบ่นนะจ๊ะ คริคริ
แล้วก็ตกลงปลงใจเลือกตู้เสื้อผ้าตู้ที่ติดกับประตูระเบียง
ตู้ที่มีช่องว่างเล็กๆข้างตู้ไว้วางตะกร้าผ้า ^^
มุมดีครัช ฮ่าาาา โฮะๆ มาก่อนได้ก่อน
ส่วนเตียงกับโต๊ะเอาไว้คนมาครบค่อยเลือกละกัน
จำได้ว่าเทอมแรกเราได้นอนเตียงชั้นบนฝั่งติดริมระเบียง
ชีวิตเด็กหอวันแรกได้เริ่มขึ้นแล้วฮะ (':
ชีวิตนักเรียนม.ปลายวันแรกได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว (':
Friday, September 6, 2013
ลองอ่านหนังสือเล่นนี้ดูสิ!!
เราไม่มีหนังสือแนะนำหรอกนะวันนี้
แต่เราแค่อยากแชร์ว่าการอ่านหนังสือมีประโยชน์มากมายจริงๆ
เราโชคดีที่เราชื่นชอบในตัวหนังสือ
ชอบอ่านการเรียงคำของใครคนอื่นเขา
และชื่นชอบการเรียงคำของตัวเราเองไม่แพ้กัน
ไม่ใช่ว่าเราเขียนดี แต่เรียกว่าเป็นสุขที่ได้เขียนมากกว่า
ตัวหนังสือ...มีเรื่องราวเสมอ...
ตัวเรา ณ เวลานี้ พูดได้ว่าห่างหายจากการอ่านหนังสือมานานมาก
คงเพราะเราใส่ใจในสิ่งอื่นมากกว่า
จนเราแอบหวั่นใจ...หรือเราจะเลิกหลงใหลในการอ่านไปเสียแล้ว...
แต่เมื่อเราได้เปิดหนังสือเล่มหนึ่งอีกครั้ง...
ก็เป็นอีกครั้ง...ที่เรา วางมันไม่ลง
เรายังคงหลงใหลในตัวอักษรอยู่สินะ ^^
มีอยู่ช่วงหนึ่งที่เรารู้สึกแย่มากๆ
ดูเหมือนมันไม่มีเรี่ยวแรงทำอะไรเลย
เหมือนหลงทางกลางการตัดสินใจของตัวเอง
ดูเหมือนว่า...เราศูนย์เสียการทรงตัว
คำกำลังใจจากเพื่อนฝูงที่บังเอิญตรงกัน
เขาเหล่านั้นแนะนำฉัน...ลองหาหนังสือดีๆสักเล่มอ่านดูสิ!
ตอนนั้นเราไม่เข้าใจหรอก..."อ่านหนังสือ"ช่วยเราได้จริงหรือ
เราแอบไม่เชื่อใจ...
จนเราได้เปิดหน้าหนังสืออีกครั้ง
ลองเอาตัวเองเข้าไปในโลกใบเล็กๆเล่มนั้น
แล้วเราจึงเข้าใจ..."ลองหาหนังสือดีๆสักเล่มอ่านดูสิ!"
เราดีขึ้น...
บางทีในช่วงชีวิตหนึ่ง
เราอาจต้องการสิ่งใหม่ๆเป็นอาหารความคิด
เราอาจต้องการอะไรใหม่ๆใส่หัวของเราเพิ่มซะบ้าง
รับรู้แต่เรื่องเดิมๆ มันก็วนอยู่ที่เดิมๆ
หนังสือเป็นตัวเลือกที่ดีเลยล่ะ
ดินแดนใหม่ๆ...ที่แสวงหาได้โดยไม่ต้องก้าวเหยียบ
ตอนนี้อ่าน YELLOW CABBY อยู่นะ
เราอ่านจบเมื่อไหร่เราอาจมาเล่าให้ฟัง (':
อย่าลืมนะ ถ้าเธอรู้สึกแย่ๆ สมองตันๆ ท้อๆ ซึมๆ เศร้าๆ เบลอๆ ขาดๆ เกินๆ
"หนังสือดีๆสักเล่ม" รอให้เธอเปิดอ่านอยู่นะ :')
แต่เราแค่อยากแชร์ว่าการอ่านหนังสือมีประโยชน์มากมายจริงๆ
เราโชคดีที่เราชื่นชอบในตัวหนังสือ
ชอบอ่านการเรียงคำของใครคนอื่นเขา
และชื่นชอบการเรียงคำของตัวเราเองไม่แพ้กัน
ไม่ใช่ว่าเราเขียนดี แต่เรียกว่าเป็นสุขที่ได้เขียนมากกว่า
ตัวหนังสือ...มีเรื่องราวเสมอ...
ตัวเรา ณ เวลานี้ พูดได้ว่าห่างหายจากการอ่านหนังสือมานานมาก
คงเพราะเราใส่ใจในสิ่งอื่นมากกว่า
จนเราแอบหวั่นใจ...หรือเราจะเลิกหลงใหลในการอ่านไปเสียแล้ว...
แต่เมื่อเราได้เปิดหนังสือเล่มหนึ่งอีกครั้ง...
ก็เป็นอีกครั้ง...ที่เรา วางมันไม่ลง
เรายังคงหลงใหลในตัวอักษรอยู่สินะ ^^
มีอยู่ช่วงหนึ่งที่เรารู้สึกแย่มากๆ
ดูเหมือนมันไม่มีเรี่ยวแรงทำอะไรเลย
เหมือนหลงทางกลางการตัดสินใจของตัวเอง
ดูเหมือนว่า...เราศูนย์เสียการทรงตัว
คำกำลังใจจากเพื่อนฝูงที่บังเอิญตรงกัน
เขาเหล่านั้นแนะนำฉัน...ลองหาหนังสือดีๆสักเล่มอ่านดูสิ!
ตอนนั้นเราไม่เข้าใจหรอก..."อ่านหนังสือ"ช่วยเราได้จริงหรือ
เราแอบไม่เชื่อใจ...
จนเราได้เปิดหน้าหนังสืออีกครั้ง
ลองเอาตัวเองเข้าไปในโลกใบเล็กๆเล่มนั้น
แล้วเราจึงเข้าใจ..."ลองหาหนังสือดีๆสักเล่มอ่านดูสิ!"
เราดีขึ้น...
บางทีในช่วงชีวิตหนึ่ง
เราอาจต้องการสิ่งใหม่ๆเป็นอาหารความคิด
เราอาจต้องการอะไรใหม่ๆใส่หัวของเราเพิ่มซะบ้าง
รับรู้แต่เรื่องเดิมๆ มันก็วนอยู่ที่เดิมๆ
หนังสือเป็นตัวเลือกที่ดีเลยล่ะ
ดินแดนใหม่ๆ...ที่แสวงหาได้โดยไม่ต้องก้าวเหยียบ
ตอนนี้อ่าน YELLOW CABBY อยู่นะ
เราอ่านจบเมื่อไหร่เราอาจมาเล่าให้ฟัง (':
อย่าลืมนะ ถ้าเธอรู้สึกแย่ๆ สมองตันๆ ท้อๆ ซึมๆ เศร้าๆ เบลอๆ ขาดๆ เกินๆ
"หนังสือดีๆสักเล่ม" รอให้เธอเปิดอ่านอยู่นะ :')
Tuesday, August 6, 2013
วันที่ฝนตก
วันนี้ก็เป็นอีกวันหนึ่งซึ่งฝนตก
น้ำฝน แอ่งน้ำ เมฆดำ ฟ้าคำราม
ได้ปรุงแต่งในอีกหนึ่งบรรยากาศ...ที่มักได้รับการกล่าวถึงในบทเพลง :)
"น้ำฝน" เป็นอีกหนึ่งบทเพลงของวง Anything else ที่พูดถึงเรื่องฝนๆ
ความรักกับฤดูฝนที่ดูเหมือนจะเป็นเรื่องเดียวกันได้อยู่บ่อยครั้ง
บางคนมองว่าฝนตกเป็นอะไรที่น่าเหนื่อยใจ
บางคนมองว่าฝนตกคือสิ่งที่เขารอคอย
บางคนก็เฉยๆฝนที่ตกอย่างไรเสียก็ต้องเป็นฝนที่หยุด
ต่างคนต่างมุมมอง
เพลง"น้ำฝน"เลือกที่จะตีความในแนวสีหม่นนิดๆ..."ใครสักคนกับสายฝนที่มักจะปรากฏตัวขึ้นพร้อมๆกัน"
การที่"ฝนตก"นำพาเราสู่ห้วงอารมณ์แบบฝนๆก็คงไม่แปลกนัก
เพราะฝนมันทำให้เราไปไหนไม่ได้...
อยู่แต่ในอาคาร ร่มเงาของหลังคา หากเราไม่อยากเปียกปอน
แค่ช่วงเวลาสั้นๆที่เราติดฝน...หลายร้อยความคิดจึงพรั่งพรู...
บางคนอาจนั่งรอด้วยจิตใจกระวนกระวาย...กี่โมงนะเมฆดำจะเคลื่อนผ่าน
บางคนอาจหาอะไรทำเพื่อละความกังวลใจในเม็ดฝน
บางคนก็เลือกที่จะนั่งเหม่อลอยปล่อยให้ความคิดเต้นรำกับละอองฝน
หนึ่งในความคิด...คงเป็น"ความคิดถึง"
ละอองฝนกับความคิดถึง...มักคละคลุ้งระหว่างการนั่งเฉยๆของเราอยู่เสมอ
เนื้อเพลงท่อนหนึ่งจึงกล่าวไว้ว่า...
"เวลาที่ฝนโปรยมา นาฬิกาหยุดหมุนไป
ละอองฝนเย็นชื่นใจ กับจินตนาการ คิดถึงเธอต่อไป..."
ตามไปเสพย์ดนตรีกันได้ที่...."น้ำฝน" by Anything else
หรือบางคน...อาจเลือกที่จะเดินกางร่มหรือวิ่งฝ่าสายฝนไป...
เพื่อไป...ไปหา..."สิ่งที่คิดถึง" :')
น้ำฝน แอ่งน้ำ เมฆดำ ฟ้าคำราม
ได้ปรุงแต่งในอีกหนึ่งบรรยากาศ...ที่มักได้รับการกล่าวถึงในบทเพลง :)
"น้ำฝน" เป็นอีกหนึ่งบทเพลงของวง Anything else ที่พูดถึงเรื่องฝนๆ
ความรักกับฤดูฝนที่ดูเหมือนจะเป็นเรื่องเดียวกันได้อยู่บ่อยครั้ง
บางคนมองว่าฝนตกเป็นอะไรที่น่าเหนื่อยใจ
บางคนมองว่าฝนตกคือสิ่งที่เขารอคอย
บางคนก็เฉยๆฝนที่ตกอย่างไรเสียก็ต้องเป็นฝนที่หยุด
ต่างคนต่างมุมมอง
เพลง"น้ำฝน"เลือกที่จะตีความในแนวสีหม่นนิดๆ..."ใครสักคนกับสายฝนที่มักจะปรากฏตัวขึ้นพร้อมๆกัน"
การที่"ฝนตก"นำพาเราสู่ห้วงอารมณ์แบบฝนๆก็คงไม่แปลกนัก
เพราะฝนมันทำให้เราไปไหนไม่ได้...
อยู่แต่ในอาคาร ร่มเงาของหลังคา หากเราไม่อยากเปียกปอน
แค่ช่วงเวลาสั้นๆที่เราติดฝน...หลายร้อยความคิดจึงพรั่งพรู...
บางคนอาจนั่งรอด้วยจิตใจกระวนกระวาย...กี่โมงนะเมฆดำจะเคลื่อนผ่าน
บางคนอาจหาอะไรทำเพื่อละความกังวลใจในเม็ดฝน
บางคนก็เลือกที่จะนั่งเหม่อลอยปล่อยให้ความคิดเต้นรำกับละอองฝน
หนึ่งในความคิด...คงเป็น"ความคิดถึง"
ละอองฝนกับความคิดถึง...มักคละคลุ้งระหว่างการนั่งเฉยๆของเราอยู่เสมอ
เนื้อเพลงท่อนหนึ่งจึงกล่าวไว้ว่า...
"เวลาที่ฝนโปรยมา นาฬิกาหยุดหมุนไป
ละอองฝนเย็นชื่นใจ กับจินตนาการ คิดถึงเธอต่อไป..."
ตามไปเสพย์ดนตรีกันได้ที่...."น้ำฝน" by Anything else
หรือบางคน...อาจเลือกที่จะเดินกางร่มหรือวิ่งฝ่าสายฝนไป...
เพื่อไป...ไปหา..."สิ่งที่คิดถึง" :')
Sunday, July 28, 2013
"บทเพลง หนังสือ และข้าวของเครื่องใช้"
หลังจากที่ไปนอนคิดเล่นๆ มาหนึ่งคืนก็ตกลงปลงใจว่าบล็อกนี้ จะบันทึกเรื่องราวเกี่ยวกับ...
"บทเพลง หนังสือ และข้าวของเครื่องใช้"
บทเพลง...ที่บังเอิญฟังแล้วหลงใหลในคำ ทำนอง
หนังสือ...ที่บังเอิญอ่านแล้วถูกใจความตามบรรทัด
ข้าวของเครื่องใช้...ที่บังเอิญเห็นแล้วต่อยอดความธรรมดา
ทุกสิ่งนึกคิด กลั่นกรอง ทำเป็นถ้อยคำ
บันทึกเก็บไว้
เก็บไว้...
อ่านอีกครั้ง ;D
"บทเพลง หนังสือ และข้าวของเครื่องใช้"
บทเพลง...ที่บังเอิญฟังแล้วหลงใหลในคำ ทำนอง
หนังสือ...ที่บังเอิญอ่านแล้วถูกใจความตามบรรทัด
ข้าวของเครื่องใช้...ที่บังเอิญเห็นแล้วต่อยอดความธรรมดา
ทุกสิ่งนึกคิด กลั่นกรอง ทำเป็นถ้อยคำ
บันทึกเก็บไว้
เก็บไว้...
อ่านอีกครั้ง ;D
Saturday, July 27, 2013
ครั้งแรก!
วันนี้ในระหว่างที่ปรึกษาหารือ พูดคุย โม้มากกับเด็กชายพี(นามสมมุติ)
เด็กชายพีได้เอ่ยชักชวนให้เราลองเขียนบล็อกดู...เออน่าสนใจดี
ลองดู ฮ่าาาา
บล็อกส่วนตัว บล็อกส่วนตน บล็อกของสาธารณชนนี้จึงได้ถือกำเนิดขึ้นมา... :D
แต่งมโข่งอยู่นานเหมือนกันว่ามันใช้งานยังไง เอาไว้ทำอะไร ฯลฯ
ยังไม่รู้เลยจะเอามันเอาไว้ทำอะไรบ้างดี
แต่คงจะเป็นแหล่งรวบรวมเรื่องราวstyle ปุ่นปุ่น นั่นแหละ (':
เด็กชายพีได้เอ่ยชักชวนให้เราลองเขียนบล็อกดู...เออน่าสนใจดี
ลองดู ฮ่าาาา
บล็อกส่วนตัว บล็อกส่วนตน บล็อกของสาธารณชนนี้จึงได้ถือกำเนิดขึ้นมา... :D
แต่งมโข่งอยู่นานเหมือนกันว่ามันใช้งานยังไง เอาไว้ทำอะไร ฯลฯ
ยังไม่รู้เลยจะเอามันเอาไว้ทำอะไรบ้างดี
แต่คงจะเป็นแหล่งรวบรวมเรื่องราวstyle ปุ่นปุ่น นั่นแหละ (':
Subscribe to:
Posts (Atom)